บัญญัติ 10 ประการ คือ
1. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อทำร้าย หรือละเมิดผู้อื่น
2. ต้องไม่รบกวนการทำงานของผู้อื่น
3. ต้องไม่สอดแนม หรือมาแก้ไขเปิดดูแฟ้มข้อมูลของผู้อื่น
4. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร
5. ต้องไม่ใช้คอมพิวเตอร์ สร้างหลักฐานที่เป็นเท็จ
6. ต้องไม่คัดลอกโปรแกรม ที่ผู้อื่นมีลิขสิทธิ์ และไม่ได้รับการอนุญาต
7. ต้องไม่ละเมิด การใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์
8. ต้องไม่นำเอาผลงานของผู้อื่น มาเป็นของตน
9. ต้องคำนึงถึง สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคม อันติดตามมาจาก การกระทำของตน
10. ต้องใช้คอมพิวเตอร์โดยเคารพ กฎระเบียบ กติกา มารยาท
ที่มา http://panupongpot.blogspot.com/2012/07/blog-post.html
วันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2557
1) จรรยาบรรณในการใช้อินเตอร์เน็ต (netiquette)
จรรยาบรรณสำหรับผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต
ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตนั้น มีเป็นจำนวนมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการใช้งานระบบเครือข่ายนี้ก็ย่อมจะมีผู้ที่ประพฤติไม่ดี และสร้างปัญหาให้กับผู้อื่นเสมอ ดังนั้นแต่ละเครือข่ายจึงต้องมีการกำหนดกฎเกณฑ์ข้อบังคับไว้ และในฐานะผู้ใช้งานที่ได้รับสิทธิ์ ให้ใช้งานเครือข่ายนั้นก็ควรที่จะต้องเข้าใจ และปฏิบัติตามกฎที่ได้ถูกวางไว้ เพื่อให้การอยู่ร่วมกันในระบบอินเตอร์เน็ตเป็นไปอย่างสงบสุข จึงได้มีผู้พยายามรวบรวม กฎ กติกา มารยาท และวางเป็นจรรยาบรรณอินเตอร์เน็ต หรือที่เรียกว่า Netiquetteความรับผิดชอบต่อสังคม เป็นเรื่องที่จะต้องปลูกฝัง กฎเกณฑ์ของแต่ละเครือข่าย จึงต้องมีและวางระเบียบเพื่อให้ดำเนินงานเป็นไปอย่างมีระบบ และเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน อนาคตของการใช้เครือข่าย ยังมีอีกมาก จรรยาบรรณจึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้ สังคมสงบสุข
จรรยาบรรณ ที่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต ต้องยึดถือไว้เสมือนเป็น แม่บทแห่งการปฏิบัติเพื่อระลึกและ เตือนความจำอยู่เสมอ
1.1) จรรยาบรรณสำหรับผู้ใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
- ตรวจสอบกล่องรับไปรษณีทุกวัน จำกัดจำนวนไฟล์เเละข้อมูลในตู้จดหมายของตนภายในปริมาณที่เว็บเมลกำหนด
- ลบข้อหรือจดหมายที่ไม่ต้องการทิ้ง เพื่อลดปริมาณการใช้พื้นที่เก็บจดหมาย
- โอ้นย้ายจดหมายจากระบบไปไว้ยังเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือดิสก์ของตนเอง
- พึงระลึกไว้เสมอว่าจดหมายที่เก็บไว้ในตู้จดหมายนี้อาจถูกผู้อื่นแอบอ่านได้
- ไม่ควรจะส่งจดหมายกระจายไปยังผู้รับจำนวนมาก
1.2) จรรยาบรรณสำหรับผู้สนทนาผ่านเครือข่าย
1. ควรเรียกสนทนาจากผู้ที่เรารู้จักและต้องการสนทนาด้วย หรือมีเรื่องสำคัญที่จะติดต่อด้วย ควรระลึกเสมอว่าการขัดจังหวะผู้อื่นที่กำลังทำงานอยู่อาจสร้างปัญหาให้ได้
2.ก่อนการเรียกคู่สนทนาควรสอบสถานะการใช้งานของคู่สนทนาที่ต้องการเรียกเพราะการเรียกแต่ ละครั้งจะมีข้อความไปปรากฏบนจอภาพของฝ่ายถูกเรียกซึ่งก็สร้างปัญหาการทำงานได้ เช่น ขณะกำลังทำงานค้าง ftp ซึ่งไม่สามารถหยุดได้
3. หลังจากเรียกไปชั่วขณะคู่ที่ถูกเรียกไม่ตอบกลับ แสดงว่าคู่สนทนาอาจติดงานสำคัญ ขอให้หยุดการเรียกเพราะข้อความที่เรียกไปปรากฏบนจออย่างแน่นอนแล้ว
4. ควรให้วาจาสุภาพ และให้เกียรติซึ่งกันและกัน การแทรกอารมณ์ขัน ควรกระทำกับคนที่รู้จักคุ้นเคยแล้วเท่านั้น
ผู้ใช้บริการโดยเฉพาะที่ต้องการเขียนข่าวสารบนกระดานต้องปฎิบัติตามกฎมารยาทดังนี้
ที่มา http://panupongpot.blogspot.com/2012/07/blog-post.html
- ให้เขียนเรื่องให้กระชับ
- ในแต่ละเรื่องควรเขียนให้ตรงกับหัวข้อเรื่อง
- ในการเขียนพาดพิงผู้อื่น ให้ระมัดระวังในการละเมิด
- ให้บอกแหล่งที่มาหรือแหล่งอ้างอิงของข้อความ
- ไม่ควรใช้ข้อความตลก หยาบคาย ในการเขียนข่าว
- ให้ความสำคัญเรื่องลิขสิทธิ์
- ไม่ควรคัดลอกข่าวจากผู้อื่น
2.3) คุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเตอร์เน็ต
ในสังคมอินเทอร์เน็ตนั้น มีทั้งคนดีและคนไม่ดีเช่นเดียวกับสังคมทั่วไป ผุ้ใช้ที่ไม่ระมัดระวังจึงอาจถูกล่อลวงไปในทางที่ผิดหรือก่อให้เกิดอันตราย ได้ ฉะนั้น วิธีหนึ่งที่จะป้องกันเยาวชนไทยจากปัญหาเหล่านี้ก็คือ การให้เยาวชนรู้จักกับศิลปป้องกันตัวในอินเทอร์เน็ต
ที่มา http://my.dek-d.com/msamint/diary/?id=10147954
ที่มา http://my.dek-d.com/msamint/diary/?id=10147954
2.2) บริการบนอินเตอร์เน็ต
บริการต่างๆ บนอินเทอร์เน็ต

1. เวิลด์ไวด์เว็บ (WWW) เวิลด์ไวด์เว็บ หรือเครือข่ายใยแมงมุม เหตุที่เรียกชื่อนี้เพราะว่าเป็นลักษณะของการเชื่อมโยงข้อมูล จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเรื่อยๆ เวิลด์ไวด์เว็บ เป็นบริการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในการเรียกดูเว็บไซต์ต้องอาศัยโปรแกรมเว็บเบราว์เซอร์ (web browser) ในการดูข้อมูล เว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมใช้ในปัจจุบัน เช่น โปรแกรม Internet Explorer (IE) , Netscape Navigator
2 จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) การติดต่อสื่อสารโดยใช้อีเมลสามารถทำได้โดยสะดวก และประหยัดเวลา หลักการทำงานของอีเมลก็คล้ายกับการส่งจดหมายธรรมดา นั้นคือ จะต้องมีที่อยู่ที่ระบุชัดเจน ก็คือ
อีเมลแอดเดรส (E-mail address)
องค์ประกอบของ e-mail address ประกอบด้วย
1. ชื่อผู้ใช้ (User name)
2. ชื่อโดเมน
Username@domain_name
การใช้งานอีเมล สามารถแบ่งได้ดังนี้ คือ
1. Corporate e-mail คือ อีเมล ที่หน่วยงานต่างๆสร้างขึ้นให้กับพนักงานหรือบุคลากรในองค์กรนั้น เช่น u47202000@dusit.ac.th คือ e-mail ของนักศึกษาของสถาบันราชภัฏสวนดุสิต เป็นต้น
2. Free e-mail คือ อีเมล ที่สามารถสมัครได้ฟรีตาม web mail ต่างๆ เช่น Hotmail, Yahoo Mail, Thai Mail และ Chaiyo Mail
3. บริการโอนย้ายไฟล์ (File Transfer Protocol) เป็นบริการที่เกี่ยวข้องกับการโอนย้ายไฟล์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต การโอนย้ายไฟล์สามารถแบ่งได้ดังนี้ คือ
1. การดาวน์โหลดไฟล์ (Download File ) การดาวน์โหลดไฟล์ คือ การรับข้อมูลเข้ามายังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ในปัจจุบันมีหลายเว็บไซต์ที่จัดให้มีการดาวน์โหลดโปรแกรมได้ฟรีเช่น www.download.com
2. การอัพโหลดไฟล์ (Upload File) การอัพโหลดไฟล์คือการนำไฟล์ข้อมูลจากเครื่องของผู้ใช้ไปเก็บไว้ในเครื่องที่ให้บริการ (Server) ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เช่น กรณีที่ทำการสร้างเว็บไซต์ จะมีการอัพโหลดไฟล์ไปเก็บไว้ในเครื่องบริการเว็บไซต์ (Web server ) ที่เราขอใช้บริการพื้นที่ (web server) โปรแกรมที่ช่วยในการอัพโหลดไฟล์เช่น
FTP Commander
4 บริการสนทนาบนอินเทอร์เน็ต (Instant Message) การสนทนาบนอินเทอร์เน็ตคือ การส่งข้อความถึงกันโดยทันทีทันใด นอกจากนี้ยังสามารถส่งสัญลักษณ์ต่างๆ อาทิ รูปภาพ ไฟล์ข้อมูลได้ด้วย การสนทนาบนอินเทอร์เน็ตเป็นโปรแกรมที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน โปรแกรมประเภทนี้ เช่น โปรแกรม ICQ (I seek you) MSN Messenger, Yahoo Messenger เป็นต้น
5 บริการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต
1. Web directory คือ การค้นหาโดยการเลือก Directory ที่จัดเตรียมและแยกหมวดหมู่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว website ที่ให้บริการ web directory เช่น www.yahoo.com, www.sanook.com
2. Search Engine คือ การค้นหาข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Search โดยการเอาคำที่เราต้องการค้นหาไปเทียบกับเว็บไซต์ต่างๆ ว่ามีเว็บไซต์ใดบ้างที่มีคำที่เราต้องการค้นหา website ที่ให้บริการ search engine เช่น www.yahoo.com, www.sanook.com, www.google.co.th, www.sansarn.com
3. Metasearch คือ การค้นหาข้อมูลแบบ Search engine แต่จะทำการส่งคำที่ต้องการไปค้นหาในเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลอื่นๆ อีก ถ้าข้อมูลที่ได้มีซ้ำกัน ก็จะแสดงเพียงรายการเดียว เว็บไซต์ที่ให้บริการ Metasearch เช่นwww.search.com, www.thaifind.com
6 บริการกระดานข่าวหรือ เวบบอร์ด (Web board)เว็บบอร์ด เป็นศูนย์กลางในการแสดงความคิดเห็น มีการตั้งกระทู้ ถาม-ตอบ ในหัวข้อที่สนใจ เว็บบอร์ดของไทยที่เป็นที่นิยมและมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นมากมาย คือ เว็บบอร์ดของพันธ์ทิพย์ (www.pantip.com)
7. ห้องสนทนา (Chat Room)ห้องสนทนา คือ การสนทนาออนไลน์อีกประเภทหนึ่ง ที่มีการส่งข้อความสั้นๆ ถึงกัน การเข้าไปสนทนาจำเป็นต้องเข้าไปในเว็บไซต์ที่ให้บริการห้องสนทนา
2.1) ความหมายและพัฒนาการของอินเตอร์เน็ต
ความหมายและพัฒนาการของอินเทอร์เน็ต
พัฒนาการของอินเทอร์เน็ต
ปี พ.ศ. 2500 (1957) โซเวียดได้ปล่อยดาวเทียม Sputnik ทำให้สหรัฐอเมริกาได้ตระหนักถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้น ค.ศ. 2512 (1969) กองทัพสหรัฐต้องเผชิญหน้ากับความเสี่ยงทางการทหาร และความเป็นไปได้ในการถูกโจมตี ด้วยอาวุธปรมาณู หรือนิวเคลียร์ การถูกทำลายล้าง ศูนย์คอมพิวเตอร์ และระบบการสื่อสารข้อมูล อาจทำให้เกิดปัญหาทางการรบ และในยุคนี้ ระบบคอมพิวเตอร์ ที่มีหลากหลายมากมายหลายแบบ ทำให้ไม่สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร และโปรแกรมกันได้ จึงมีแนวความคิด ในการวิจัยระบบที่สามารถ
เชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์ และแลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่างระบบที่แตกต่างกันได้ ตลอดจนสามารถรับส่งข้อมูลระหว่างกัน ได้อย่างไม่ผิดพลาด แม้ว่าคอมพิวเตอร์บางเครื่อง หรือสายรับส่งสัญญาณ เสียหายหรือถูกทำลาย กระทรวงกลาโหมอเมริกัน (DoD = Department of Defense) ได้ให้ทุนที่มีชื่อว่า DARPA (Defense Advanced Research Project Agency) ภายใต้การควบคุมของ Dr. J.C.R. Licklider ได้ทำการทดลอง ระบบเครือข่ายที่มีชื่อว่า DARPA Network และต่อมาได้กลายสภาพเป็น ARPANet (Advanced Research Projects Agency Network) และต่อมาได้พัฒนาเป็น INTERNET ในที่สุด
เชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์ และแลกเปลี่ยนข้อมูล ระหว่างระบบที่แตกต่างกันได้ ตลอดจนสามารถรับส่งข้อมูลระหว่างกัน ได้อย่างไม่ผิดพลาด แม้ว่าคอมพิวเตอร์บางเครื่อง หรือสายรับส่งสัญญาณ เสียหายหรือถูกทำลาย กระทรวงกลาโหมอเมริกัน (DoD = Department of Defense) ได้ให้ทุนที่มีชื่อว่า DARPA (Defense Advanced Research Project Agency) ภายใต้การควบคุมของ Dr. J.C.R. Licklider ได้ทำการทดลอง ระบบเครือข่ายที่มีชื่อว่า DARPA Network และต่อมาได้กลายสภาพเป็น ARPANet (Advanced Research Projects Agency Network) และต่อมาได้พัฒนาเป็น INTERNET ในที่สุด
2. อินเตอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต (อังกฤษ: Internet) หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ ที่มีการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายทั่วโลก โดยใช้ภาษาที่ใช้สื่อสารกันระหว่างคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่า โพรโทคอล (protocol) ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ในหลาย ๆ ทาง อาทิ อีเมล เว็บบอร์ด และสามารถสืบค้นข้อมูลและข่าวสารต่าง ๆ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้
1) ระบบปฎฏิบัติการลินุกซ์ เซ็นต์โอเอส ( linux community enterprise operating system)
1.ระบบปฏิบัติการลินุกซ์ เซ็นต์โอเอส (linux community enterprise operating system) หรือ CentOS
ช่วยประหยัดงบประมาณขององค์กร เนื่องจาก CentOs เป็นซอฟต์แวร์เปิดเผยโค้ด สามารถดาวน์โหลดโค้ดไปใช้งาน หรือแก้ไขโดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธ์ซอฟต์แวร์
Windows คือ ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่ง (operating system) สร้างขึ้นโดยบริษัทไมโครซอฟต์ เนื่องจากความยากในการใช้งานดอสทำให้บริษัทไมโครซอฟต์ได้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า Windows ที่มีลักษณะเป็น GUI (Graphic-User Interface) ที่นำรูปแบบของสัญลักษณ์ภาพกราฟิกเข้ามาแทนการป้อนคำสั่งทีละบรรทัด ซึ่งใกล้เคียงกับแมคอินทอชโอเอส เพื่อให้การใช้งานดอสทำได้ง่ายขึ้น แต่วินโดวส์จะยังไม่ใช่ระบบปฏิบัติการจริง ๆ เนื่องจากมันจะทำงานอยู่ภายใต้การควบคุมของดอสอีกที กล่าวคือจะต้องมีการติดตั้งดอสก่อนที่จะติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows และผู้ใช้จะสามารถเรียกใช้คำสั่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในดอสได้โดยผ่านทางWindows ซึ่ง Windows จะง่ายต่อการใช้งานมากกว่าดอส
ที่มา http://benzsuksai.blogspot.com
ช่วยประหยัดงบประมาณขององค์กร เนื่องจาก CentOs เป็นซอฟต์แวร์เปิดเผยโค้ด สามารถดาวน์โหลดโค้ดไปใช้งาน หรือแก้ไขโดยไม่ต้องเสียค่าลิขสิทธ์ซอฟต์แวร์
เหตุผลหลักที่องค์กรจะเลือกใช้ระบบ CentOS สำหรับองค์กรธุรกิจเหมาะสมอย่างมากที่จะนำระบบตัวลีนุกซ์ตัวนี้มาทำเป็น เซิร์ฟเวอร์ใช้งานภายในองค์กร โดยพอสรุปเหตุผลหลักในการนำระบบนี้มาใช้งานได้ดังนี้
1. เพื่อประหยัดงบประมาณขององค์กร เนื่องจาก CentOS เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอส องค์กรไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าลิขสิทธ์ซอฟต์แวร์ (เพียงแต่ผู้ดูแลระบบต้องลงทุนเรียนรู้ระบบก่อนการใช้งาน ในปัจจุบันสามารถเรียนรู้ได้ง่ายดายผ่านทางหน้าเว็บ Google.com)
1. เพื่อประหยัดงบประมาณขององค์กร เนื่องจาก CentOS เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอส องค์กรไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าลิขสิทธ์ซอฟต์แวร์ (เพียงแต่ผู้ดูแลระบบต้องลงทุนเรียนรู้ระบบก่อนการใช้งาน ในปัจจุบันสามารถเรียนรู้ได้ง่ายดายผ่านทางหน้าเว็บ Google.com)
2. เพื่อนำมาทำเซิร์ฟเวอร์บริการงานต่างๆ ในองค์กร ซึ่งภายใน CentOS มีแพ็กเกจย่อยที่นำมาใช้ทำเซิร์ฟเวอร์สำหรับใช้งานในองค์กรจำนวนมาก อาทิ เช่น Web Server(Apache), FTP เป็นต้น
3. เพื่อนำมาทำเป็นระบบเซิร์ฟเวอร์สำหรับจ่ายไอพีปลอม (Private IP Address) ไปเลี้ยงเครื่องลูกข่ายในองค์กร รวมทั้งตั้งเป็นระบบเก็บ Log Files ผู้ใช้งาน เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัตว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ปี 2550
2.ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ เซิร์ฟเวอร์ (windows server)Windows คือ ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ระบบหนึ่ง (operating system) สร้างขึ้นโดยบริษัทไมโครซอฟต์ เนื่องจากความยากในการใช้งานดอสทำให้บริษัทไมโครซอฟต์ได้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เรียกว่า Windows ที่มีลักษณะเป็น GUI (Graphic-User Interface) ที่นำรูปแบบของสัญลักษณ์ภาพกราฟิกเข้ามาแทนการป้อนคำสั่งทีละบรรทัด ซึ่งใกล้เคียงกับแมคอินทอชโอเอส เพื่อให้การใช้งานดอสทำได้ง่ายขึ้น แต่วินโดวส์จะยังไม่ใช่ระบบปฏิบัติการจริง ๆ เนื่องจากมันจะทำงานอยู่ภายใต้การควบคุมของดอสอีกที กล่าวคือจะต้องมีการติดตั้งดอสก่อนที่จะติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows และผู้ใช้จะสามารถเรียกใช้คำสั่งต่าง ๆ ที่มีอยู่ในดอสได้โดยผ่านทางWindows ซึ่ง Windows จะง่ายต่อการใช้งานมากกว่าดอส
ที่มา http://benzsuksai.blogspot.com
1.3 การเลือกใช้ซอฟต์แวร์ของระบบเครือข่ายขนาดเล็ก
ปัจจุบันซอฟต์แวร์สำหรับระบบเครือข่ายขนาดเล็ก มีให้เลือกใช้งานหลายโปรแกรม ตัวอย่างเช่น
2.2) การเชื่อมต่อเครือข่ายระยะไกล
ระบบเครือข่ายระยะไกล (Wide Area Network : WAN) หมายถึง การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ ระยะไกล เป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ เช่น ระหว่างประเทศ การเชื่อมต่อเครือข่ายทั่วโลก ติดตั้งใช้งานบริเวณกว้างมีสถานีหรือจุดเชื่อมมากมาย และใช้สื่อกลางหลายชนิด เช่น ไมโครเวฟ ดาวเทียม เนื่องจากเป็นการติดต่อสื่อสารระยะไกล อัตราการรับส่งข้อมูลจึงต่ำ และมีโอกาสผิดพลาดได้สูง การสื่อสารระยะไกล จำเป็นต้องมีอุปกรณ์แปลงสัญญาณ คือ โมเด็ม ช่วยในการติดต่อสื่อสาร และสามารถนำเครือข่าย LAN มาเชื่อมต่อกัน เป็นเครือข่ายระยะไกลได้ ตัวอย่างของเครือข่ายระยะไกล เช่น อินเทอร์เน็ต เครือข่ายระบบงานธนาคารทั่วโลก เครือข่ายของสายการบิน เป็นต้น
การติดตั้ง Repeater หรือ Switching Hub ไว้ทุกๆ 100 เมตร จากข้อจำกัดของระยะทางระหว่างอุปกรณ์ (Network Node) ที่ติดตั้งระยะหว่าง Hub ผ่านสาย UTP นั้นจะมีข้อจำกัดที่ระยะทาง 100 เมตร โดยหากเราต้องการขยายระยะทางของเครือข่าย จำเป็นต้องติดตั้งอุปกรณ์ Repeater ซึ่งก็คือ Hub ไว้ทุกๆ 100 เมตร การใช้วิธีนี้ สามารถทำได้ หากเครือข่ายนั้นอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการติดตั้งอุปกรณ์ Repeater แต่ในสภาพ ![]() |
56K Modem:การเชื่อมต่อ LAN ระยะไกลด้วย 56K โมเด็มนั้น ถึงแม้จะสามารถทำได้ง่ายและต้นทุนต่ำ แต่ความเร็วของการเชื่อมต่อนั้นทำได้ด้วยความเร็วสูงสุดเพียง 33.6Kbps เท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้งานสำหรับเครือข่าย LAN อย่างแน่นอนแต่ 56K โมเด็มน่าจะเป็นทางเลือกสำหรับการเชื่อมต่อ PC หนึ่งเครื่องเข้ากับเครือข่ายหลักเท่านั้น![]() |
Fiber Opticแต่ก่อนทางออกสำหรับเครือข่าย LAN ระยะไกลนั้นก็คือ Fiber Opticซึ่งหากจะว่าไปแล้ว Fiber Optic ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ดีที่สุด เร็วที่สุด แต่ก็แพงที่สุดเช่นกัน ซึ่งหากคำนวณค่าใช้จ่ายต่อจุดที่จะติดตั้งออกมาแล้ว ทั้งค่าสาย Fiber Optic ค่าแรงในการติดตั้ง และค่าบำรุงรักษา อาจจะสูงเกินกว่างบประมาณที่ตั้งไว้มากทีเดียว และหากมองในแง่ของการใช้งาน ที่ต้องติดตั้ง Fiber Optic เพื่อรองรับเครื่องคอมพิวเตอร์เพียง 4-5 ตัวแล้ว ดูจะเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าเสียเลย ![]() |
Wireless LANเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นและน่าสนใจมากเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาคือ Wireless LAN เราต้องยอมรับว่า Wireless LAN ช่วยให้การติดตั้งเครือข่าย LAN ง่ายขึ้นมาก ไม่จำเป็นต้องลากสายใดๆ เพียงติดตั้ง Access Point และ PC Card ที่เครื่องลูกข่ายเท่านั้น แต่Wireless LAN น่าจะเหมาะสมสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่มีขนาดจำกัด มากกว่าการนำมาติดตั้งเพื่อใช้ระหว่างอาคาร ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีอุปกรณ์ที่ช่วยขยายสัญญาณของ Wireless LAN ให้สามารถส่งไปได้ไกลขึ้น แต่นอกจากต้นทุนยังสูงมากๆแล้ว ความน่าเชื่อถือของคุณภาพสัญญาณ ที่มีความอ่อนไหวต่อสภาวะแวดล้อมนั้น ก็เป็นสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณามากเลยทีเดียว![]() |
VDSL VDSL คือเทคโนโลยีเครือข่ายล่าสุด ที่จะช่วยให้คุณสามารถขยายระยะห่างของอุปกรณ์เครือข่าย LAN ของคุณให้ไกลขึ้นเป็น 1.2 กม. ด้วยความเร็ว 10Mbps. ![]() ที่มา |
2.1) การเชื่อมต่อเครือข่ายระยะใกล้
พัฒนาการของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เกิดจากการเชื่อมต่อเทอร์มินอล (Terminal)เข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์เมนเฟรม
(Mainfram Computer) หรือเชื่อมต่อกับมินิคอมพิวเตอร์ (Mini Computer) ซึ่งการควบคุมการสื่อสารและการประมวลผลต่างๆ
จะถูกควบคุมและดำเนินการโดยเครื่องเมนเฟรม หรือมินิคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจเรียกอีกอย่างว่า โฮสต์ (Host) โดยมีการเชื่อมโยง
ระหว่างโฮสต์กับเทอร์มินอล ส่วนเทอร์มินอลทำหน้าที่เป็นเพียงจุดรับข้อมูล และ แสดงข้อมูลเท่านั้น
สรุปแล้วเครือข่ายระยะใกล้ หรือเครือข่ายท้องถิ่น (LAN)เป็นรูปแบบการทำงานของระบบเครือข่ายแบบหนึ่ง ที่ช่วยให้เครื่อง
คอมพิวเตอร์ (Computer) เครื่องพิมพ์ (Printer) และอุปกรณ์ใช้งานทางคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ สามารถเชื่อมโยงเอกสาร ส่งข้อมูล
ติดต่อใช้งานร่วมกันได้ การติดต่อสื่อสารของอุปกรณ์ จะอยู่ในบริเวณแคบ โดยทั่วไปมีระยะทางไม่เกิน 10 กิโลเมตร เช่น ภายในอาคาร
สำนักงานภายในคลังสินค้า โรงงาน หรือระหว่างตึกใกล้ ๆ เชื่อมโยงด้วย สายสื่อสารจึงทำให้มีความเร็วในการสื่อสารข้อมูลด้วยความเร็วสูง
มาก และมีความผิดพลาดของข้อมูลต่ำ
ที่มา http://cptd.chandra.ac.th/selfstud/it4learn/p41.htm
2) การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายขนาดเล็ก
การเชื่อมต่อระบบเครือข่ายขนาดเล็กที่ใช้กนในปัจจุบันมี 2 แบบ คือ การเชื่อมต่อเครือข่ายระยะใกล้ และการเชื่อมต่อเครือข่ายระยะไกล
ที่มา www.wikipedia.org/wiki
ที่มา www.wikipedia.org/wiki
1.6) สายสัญญาณ (cable)
1.6 สายสัญญาณ เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการรับส่งข้อมูลมีหลายแบบไม่ว่าจะเป็นสายโคแอกซ์ สายตีเกลียวคู่แบบไม่ป้องกันสัญญาณรบกวนสายตีเกลียวคู่แบบป้องกันสัญญาณรบกวนและสายใยแก้วนำแสง.
1.5) อุปกรณ์จัดเส้นทางหรือเราเตอร์ (router)

1.5 อุปกรณ์จัดเส้นทางหรือเราเตอร์ เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมโยงเครือข่ายหลายเครือข่ายเข้าด้วยกัน
1.4) โมเด็ม ( modem)

1.4 โมเด็ม เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงสัญญาณเพื่อให้สามมารถส่งผ่านสายโทรศัพท์หรือสายใยแก้วนำแสง
1.3) สวิตซ์ ( switch)

1.3 สวิตช์ เป็นอุปกรณ์รวมสัญญาณเช่นเดียวกับฮับ แต่แต่กต่างจากฮับ คือ การรับส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งนั้นจะไม่กระจายไปทุกเครื่อง
1.2) ฮับ (hub)
1.2 ฮับ เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เสมือนกับชุมชนทางข้อมูล มีหน้าที่เป็นตัวกลางคอยส่งข้อมูลให้คอมพิวเตอร์ในเครือข่าย
1.1) การ์ดแลน ( LAN card)
1.1 การ์ดแลน เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่รับส่งข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งไปสู่คอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งโดยผ่านสายแลน
ที่มา http://loveyouna28.wordpress.com
1) อุปกรณ์ในระบบเครือข่ายขนาดเล็ก
อุปกรณ์ในระบบเครือข่ายขนาดเล็ก มีหลายชนิดได้แก่ การ์ดแลน ฮับ สวิตช์ โมเด็ม เราเตอร์ สายสัญญาณ ซึ่งอุปกรณ์แต่ล่ะชนิดมีคุณสมบัติแต่งต่างกันดังนี้
http://loveyouna28.wordpress.com
http://loveyouna28.wordpress.com
1.2 การเลือกใช้ฮาร์ดแวร์ของระบบเครือข่ายขนาดเล็ก
การเลือกใช้ฮาร์ดแวร์ของระบบเครือข่ายขนาดเล็ก
มีจุดประสงค์เพื่อใช้งานภายในบ้านหรือในสำนักงานขนาดเล็ก มีหลายชนิด ซึ่งอุปกรณ์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ดังนี้
มีจุดประสงค์เพื่อใช้งานภายในบ้านหรือในสำนักงานขนาดเล็ก มีหลายชนิด ซึ่งอุปกรณ์แต่ละชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ดังนี้
1.1 ความหมายและองค์ประกอบของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ความหมายของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
|
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ (Computer Network) คือการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ตั้งแต่
สองเครื่องขึ้นไปเข้าด้วยกัน ผ่านช่องทางการสื่อสาร (Communication hannel)
เครื่องคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ทั้งสองเครื่องสามารถติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกันได้ การที่คอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ จะต้องสร้างมาตรฐานของสัญญาณ
ที่มีชื่อเรียกว่า โปรโตคอล (Protocol)
สองเครื่องขึ้นไปเข้าด้วยกัน ผ่านช่องทางการสื่อสาร (Communication hannel)
เครื่องคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ทั้งสองเครื่องสามารถติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกันได้ การที่คอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่ายสามารถทำงานร่วมกันได้ จะต้องสร้างมาตรฐานของสัญญาณ
ที่มีชื่อเรียกว่า โปรโตคอล (Protocol)
ประเภทของเครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายสามารถจำแนกออกได้เป็น6ประเภท
1.1 LAN (Local Area Network) : ระบบเครือข่ายระดับท้องถิ่น
1.2 MAN (Metropolitan Area Network) : ระบบเครือข่ายระดับเมือง
1.3 WAN (Wide Area Network) : ระบบเครือข่ายระดับประเทศ หรือเครือข่ายบริเวณกว้าง
1.4 อินเทอร์เน็ต (Internet) เครือข่ายสาธารณะ
1.5 อินทราเน็ต (Intranet) หรือเครือข่ายส่วนบุคคล
1.6 เอ็กส์ทราเน็ต (Extranet) หรือเครือข่ายร่วม
ที่มาhttp://th.wikipedia.org/wiki
1.เครือข่ายคอมพิวเตอร์
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือ คอมพิวเตอร์เน็ตเวิร์ก (อังกฤษ: computer network; ศัพท์บัญญัติว่า ข่ายงานคอมพิวเตอร์) คือเครือข่ายการสื่อสารโทรคมนาคมระหว่างคอมพิวเตอร์จำนวนตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ การเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆในเครือข่าย (โหนดเครือข่าย) จะใช้สื่อที่เป็นสายเคเบิลหรือสื่อไร้สาย เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันดีคือ อินเทอร์เน็ต
การที่ระบบเครือข่ายมีบทบาทสำคัญมา
ที่มาhttp://th.wikipedia.org/wiki
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)